วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2555

ปรามอปท.ขีดเส้นทวงงบฯ/มาร์คอัดรบ.โยนภาระท้องถิ่น


ปรามอปท.ขีดเส้นทวงงบฯ/มาร์คอัดรบ.โยนภาระท้องถิ่น

ปรามอปท.ขีดเส้นทวงงบฯ/มาร์คอัดรบ.โยนภาระท้องถิ่น

"ยง ยุทธ"ยันดูแลท้องถิ่นเต็มที่ หลัง ได้รับผลกระทบจากนโยบายเงินเดือน 15,000 ลั่นไม่หวั่นม็อบ"อปท."หนุน"วรวัจน์"เป็น"มท.1"แทน  เตือน"อปท." เป็นข้าราชการต้องระมัดระวังคำพูด "มาร์ค"จวกประชานิยมรัฐบาลโยนภาระท้องถิ่น ชี้อบต.-เทศบาลมีเงินพัฒนาเหลือแค่จิ๊บจ๊อย
    เมื่อวันที่ 5 ก.ย.55 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีสมาชิกสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย (ส.ท.ท.) และสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)แห่งประเทศไทย เดินทางมายื่นหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา เพื่อให้เพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว ปริญญาตรี 15,000 บาท พร้อมเรียกร้องให้ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ขึ้นมาเป็นรมว.มหาดไทย แทน ว่า อยากจะพูดอะไรก็พูดไป โดยเฉพาะเป็นข้าราชการส่วนท้องถิ่น จะต้องระมัดระวังเรื่องพวกนี้ด้วย แต่ตนไม่ได้ยินกับหู เขาอาจจะไม่ได้พูดก็ได้ เดี๋ยวตนพูดไปเรื่องก็ไม่จบ เอาเป็นว่าเขาจะพูดอะไรก็พูดไป ตนก็จะพยายามแก้ไขปัญหาให้ แต่คงไม่กำหนดเส้นตายว่าเป็นเมื่อไหร่ คงทำอย่างนั้นไม่ได้ก็ต้องให้เวลาและจะดูแลเป็นอย่างดี เพราะเป็นข้าราชการ และตนก็เคยเป็นข้าราชการส่วนท้องถิ่นมาก่อน
    เมื่อถามว่า ที่มีการร้องเรียนเพราะเงินเดือนค่อนข้างจะน้อยมาก และต้องมารับภาระเรื่องค่าครองชีพด้วย นายยงยุทธ กล่าวว่า ก็เข้าใจ ซึ่งก็มีวิธีแก้ไข ค่อยๆรอดูไป เมื่อถามว่า ภาษีในท้องถิ่นของเขาเยอะหรือไม่ นายยงยุทธ กล่าวว่า ก็เยอะ และบางท้องถิ่นก็ไม่ค่อยจะพอ แต่บางท้องถิ่นก็มี ซึ่งก็ต้องเฉลี่ยกัน เรื่องนี้นายกฯก็เป็นห่วงอยู่และได้พูดในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชัดเจน ว่าจะหาทางแก้ไขให้ กรณีเงินไม่พอจะนำเงินส่วนไหนมาสนับสนุน รมว.มหาดไทย  กล่าวว่า ส่วนหนึ่งก็มีเงินสะสมของทางเทศบาลที่เหลืออยู่ และที่คณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) จะพิจารณาหางบประมาณมาก็มี
    วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในรายการฟ้าวันใหม่ ทาง Blue Sky Channel กรณี องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ออกมาเรียกร้องให้มีการจ่ายเงินค่าจ้าง ค่าตอบแทนเพิ่มเติม ซึ่งตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา จากนี้ไปข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น จะต้องมีเงินเดือน 15,000 บาท ลูกจ้าง 300 บาท ว่า เมื่อรัฐบาลยืนยันนโยบายนี้กับคนในภาครัฐ ก็จำเป็นที่จะต้องให้กับท้องถิ่นด้วย
    นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ในสมัยรัฐบาลที่แล้ว พรรคประชาธิปัตย์ทำนโยบายเบี้ยยังชีพ นโยบาย อสม. หรือนโยบายอื่น ๆ นั้น แล้วงบมันต้องไปทำผ่านท้องถิ่น แล้วก็ไปนับว่าเป็นสัดส่วนของท้องถิ่นเขา ตนก็ได้เจรจาตกลงกับท้องถิ่นแล้วว่า จริง ๆ เราจะถอดตัวนี้จากการนับว่าเป็นส่วนหนึ่งของงบท้องถิ่น คือ ท้องถิ่นเขาควรจะได้สัดส่วน สมมติว่า 27-28% เราไม่ควรไปนับรวมนโยบายที่เรากำหนดไปให้เขา ก็ตกลงกันไว้เรียบร้อย ทำแผนเรียบร้อยว่าภายใน 2 ปี คือ ภายในปี 56 งบปี 56 นี้ ก็จะถอดออกมาได้
    "ขณะนั้นพรรคเพื่อไทยก็เป็นฝ่ายค้าน ก็เรียกร้องเรื่องนี้ แต่ว่าพอเป็นรัฐบาลกลับไม่ได้ทำ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่า แถมเรื่องนโยบายของตัวเองเข้าไปเป็นภาระของท้องถิ่นมากขึ้น แล้วก็งบประมาณที่เป็นลักษณะของอุดหนุนเฉพาะกิจกลับเพิ่มขึ้น งบทั่วไปกับน้อยลง ซึ่งถ้าดูตัวเลขของ อบต. และเทศบาล พบว่ามีเงินพัฒนาอยู่เพียงล้าน 2 ล้านเท่านั้นเอง อันนี้เป็นจุดที่จะต้องมาช่วยกันแก้ไข ขณะนี้จริง ๆ แล้วในสภาฯเองก็มีการระดมความคิดกันอยู่พอสมควร เรื่องการปรับโครงสร้างของท้องถิ่น เพื่อที่จะไม่ให้มันเป็นภาระในลักษณะนี้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
 

มท.1ลั่นเร่งแก้ค่าครองชีพอปท. 
ข่าวสด  Issued date 6 September 2012

          เมื่อ วันที่ 5 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)เรียกร้องเรื่องค่าตอบแทน เพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการพนักงานส่วนท้องถิ่นและลูกจ้าง โดยให้กระทรวงมหาดไทยรับผิดชอบแก้ปัญหาแทนที่จะอปท.แบกรับภาระค่าใช้จ่าย และยังเรียกร้องให้รมว.มหาดไทยลาออกว่า อยากพูดอย่างไรก็พูดไป แต่ข้าราชการส่วนท้องถิ่นต้องระวังเรื่องนี้ด้วย ตนจะพยายามแก้ปัญหาให้
          เมื่อ ถามว่าจะแก้ไขภายในเดือนต.ค.อย่างที่มีการเรียกร้องได้หรือไม่ นายยงยุทธกล่าวว่า จะรีบทำ ซึ่งมีวิธีแก้ไขอยู่ ขอให้รอดูเพราะบางท้องถิ่นมีงบประมาณมาก บางแห่งก็มีพอ ต้องเฉลี่ยกันไป ทั้งนี้ส่วนหนึ่งยังมีเงินสะสมของเทศบาลเหลืออยู่ นอกจากนั้นจะต้องหางบประมาณมาชดเชย แต่จะกำหนดเส้นตายว่าเมื่อนั้นเมื่อนี้แล้วทำไม่ได้ ควรให้เวลา ตนเคยเป็นข้าราชการท้องถิ่นมาก่อน ซึ่งนายกฯเป็นห่วงและพูดในที่ประชุมครม.ชัดเจนว่าต้องแก้ปัญหาให้เขา
          นาย ยงยุทธยังกล่าวถึงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทยว่า การแต่งตั้งคำนึงหลักยุติธรรม ซึ่งต้องให้โอกาสทำงานก่อน ส่วนกระแสข่าวว่าแต่งตั้งแต่ข้าราชการที่จบแต่รัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือสิงห์ดำนั้น ไม่เป็นความจริง ทุกอย่างอยู่ที่ความเป็นจริง คำนึงถึงหลักความเหมาะสมและความสามารถของข้าราชการมากกว่า
          ต่อ ข้อถามถึงกระแสข่าวนายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ว่าที่ปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายยงยุทธ กล่าวว่า ไม่จริง เราต้องให้ความยุติธรรมกับเหตุการณ์ กับผู้คนบ้าง อย่าเอาแต่ข่าวซุบซิบมาเป็นข่าวใหญ่
          นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดี ปภ. กล่าวถึงครม.มีมติแต่งตั้งเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยว่า ตนพร้อมทำงานตามที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุดตามนโยบายรัฐบาล ทำในสิ่งที่ถูกต้องและยึดตามหลักของกระทรวงมหาดไทย คือการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชน
          เมื่อถามถึงกระแสข่าวได้รับการผลักดัน ขึ้นเป็นปลัดกระทรวง เพราะเป็นสิงห์ดำ นายวิบูลย์ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่ได้ยึดเรื่องสถาบันที่จบ เพราะเวลาทำงาน ไม่เคยถามว่าใครจบจากที่ไหน ตนสามารถทำงานกับทุกคนได้ และตนปฏิบัติเช่นนี้มาตั้งแต่เด็ก แต่หากเป็นกิจกรรมของมหาวิทยาลัย ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ยืนยันว่าทำงานได้กับทุกคนโดยไม่มีอคติ หรือคิดว่าต้องจบจากที่เดียวกัน เพราะทุกคนต้องทำตามหน้าที่ที่ตัวเองรับผิดชอบให้ดีที่สุด

วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2555

ค่าครองชีพชั่วคราว

ครม.เห็นชอบเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวแก่ขรก.-พนง.-ลูกจ้างอปท.

+ อันดับข่าวอ่านมากที่สุดนี้


(4ก.ย.2555) - น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงข่าวภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ครม. มีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 (ฝ่ายเศรษฐกิจ)ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เป็นประธานกรรมการ ในคราวประชุมครั้งที่ 11/2555 เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2555 ที่เห็นชอบในหลักการ การปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นและ ลูกจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการช่วยเหลือบุคลากรภาครัฐให้มีรายได้เพียงพอ ต่อการดำรงชีพ ตามสภาวะเศรษฐกิจที่ปรับสูงขึ้น และให้มีความเท่าเทียมกับบุคลากรภาครัฐอื่น ๆ โดยให้ยึดถือแนวปฏิบัติ ดังนี้

1. กรณีเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวที่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล (ปริญญาตรี 15,000 บาท และค่าแรง 300 บาท) เห็นควรให้กระทรวงมหาดไทยและคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นตรวจสอบรายได้และค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรตามที่ได้จ่ายจริงขององค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละแห่ง หากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งใดมีรายได้เพียงพอ ก็ให้ใช้จ่ายจากเงินรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น ๆ สำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นใดที่มีรายได้เพียงพอ ให้คณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาทบทวนเกณฑ์ การจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปสำหรับดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และภารกิจถ่ายโอน

2. กรณีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีค่าใช้จ่ายด้านเงินเดือน ค่าจ้างและประโยชน์ตอบแทนอื่นเกินกว่าร้อยละ 40 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี เห็นควรให้คณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (กกถ.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันทบทวนหลักเกณฑ์การจัดสรรภาษีและค่า ธรรมเนียมรถยนต์ และเงินเพิ่มตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ภาษีรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก และค่าธรรมเนียมล้อเลื่อนตามกฎหมายว่าด้วยล้อเลื่อน ที่จัดสรรให้กับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ร้อยละ 100 โดยลดสัดส่วนการจัดสรรรายได้ให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดลง เพื่อนำมาจัดสรรเพิ่มให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และเทศบาล ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาค่าใช้จ่ายด้านเงินเดือน ค่าจ้าง และผลประโยชน์ตอบแทนอื่นให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด

3. ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการ รับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2547 ข้อ 90 กรณีที่งบประมาณรายจ่ายประกาศใช้บังคับแล้ว หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีงบประมาณไม่เพียงพอที่จะจ่ายในกรณีรับโอน เลื่อนระดับ เลื่อนขั้นเงินเดือนพนักงานส่วนท้องถิ่น การเบิกเงินให้พนักงานส่วนท้องถิ่นตามสิทธิตลอดจนลูกจ้างมีสิทธิได้รับเงิน อื่นตามกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง หรือหนังสือสั่งการกระทรวงมหาดไทยในระหว่างปีงบประมาณ หรือไม่ได้ตั้งงบประมาณเพื่อการนั้นไว้ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจ่ายขาดเงินสะสมได้ โดยได้รับอนุมัติจากผู้บริหารส่วนท้องถิ่นและให้ถือเป็นรายจ่ายในปีนั้น